ส่อง‘คิงส์โรมัน’ เมืองที่ไม่เคยหลับใหลแห่งสามเหลี่ยมทองคำ
6 ธันวาคม 2565 ทีมเนชั่นทีวีลงพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ฝั่งตรงข้ามอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ปีนี้ถือว่าบริษัท กลุ่มดอกงิ้วคำ จำกัด ในเครือของกลุ่มจินมู่เหมียน เข้ามาพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ครบรอบ 15 ปี
นับตั้งแต่ “จ้าว เหว่ย” นักธุรกิจชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ตัดสินใจ ปักหมุดลงทุนในสปป.ลาว เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2550 ก่อนได้รับอนุมัติให้จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2553 บนพื้นที่ 10,000 เฮกตาร์ ด้วยงบลงทุน 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
วันนี้เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำถูกแปลงโฉม กลายเป็นเมืองใหม่มีมูลค่าการลงทุนเฉียดแสนล้านบาท ไม่ใช่ดินแดนที่เซียนพนันเข้ามาเสี่ยงโชคเพียงอย่างเดียวแล้ว แต่เป็นเมืองการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวแบบครบวงจรที่น่าจับตามองทั้งในภูมิภาคลุ่มแม่นํ้าโขง
ตลอด 3 ปี รัฐบาลสปป.ลาวสั่งปิดพรมแดนป้องกันโควิด-19 กลุ่มดอกงิ้วคำถือจังหวะนี้เร่งพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำอย่างต่อเนื่อง เมื่อกลับมาเปิดด่านพรมแดนอีกครั้งในวันที่ 18 พ.ค. 2565 กลายเป็นการพลิกโฉมของเมืองใหม่อวดต่อสายต่อชาวโลก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสนามบินบ่อแก้ว รันเวย์ยาว 3,000 เมตร งบลงทุน 175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, สนามกอล์ฟ 18 หลุม บนพื้นที่ 1,000ไร่ งบลงทุน 2,000 ล้านบาท และการก่อสร้างโรงแรม Kapok Star Hotel สูง 17 ชั้น จำนวน 610 ห้อง ใช้งบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท
ใครจะไปคิดว่าเมืองชายแดนที่ถูกตีตราว่า เป็นดินแดนแห่งสนธยามานานหลายสิบปี มีบ่อนกาสิโนเป็นตัวชูโรงทำเม็ดเงินสะพัดจำนวนมหาศาลนั้น ในวันนี้ถูกวางผังเมืองเป็นไปอย่างมีระเบียบ นับตั้งแต่การเดินทางข้ามฝั่งแม่นํ้าโขงจากฝั่งอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย จะมีด่านพรมแดนของฝั่งสปป.ลาว ทำหน้าที่ไม่ต่างจากฝั่งไทย มีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ศุลกากร เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกรุงเวียงจันทน์ เข้ามาปฎิบัติงานในการตรวจสอบการเข้าออกของคนในเมืองและนักท่องเที่ยว ให้เป็นไปตามกฎหมายของรัฐบาลสปป.ลาว
มากไปกว่านั้น ถนนภายในเมืองเป็นถนน 4 เลน มีการปลูกต้นไม้ขนาบข้างตลอดเส้นทาง ส่วนระบบไฟฟ้านั้นวางสายใต้ดินทั้งหมด มีฟาร์มปศุสัตว์ครบวงจร ทั้งหมู วัว ไก่ และฟาร์มผักอินทรีย์ขนาดใหญ่ มีห้างสรรพสินค้า 5-6 แห่ง มีโรงพยาบาล 2 แห่ง มีโรงเรียน 1 แห่ง นักเรียนกว่า 400 คน และโรงแรมของเอกชนกว่า 20 แห่ง ของนักลงทุนชาวจีนรุ่นใหม่ ขณะที่ทาง “จ้าว เหว่ย” ยํ้าว่า มีความตั้งใจะพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้มีความเจริญและมั่งคั่ง ตอนนี้อยู่ระหว่างเตรียมพัฒนาสวนสัตว์, สวนนํ้า, สนามแข่งรถ, สนามแข่งม้า, สนามยิงปืน และที่สำคัญ คือ การพัฒนาท่าเรือลำนํ้าโขง
“จ้าว เหว่ย” ประธานเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ กล่าวยํ้าว่า ที่นี่มีความพิเศษกว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งอื่นๆ ในสปป.ลาว ตรงที่จะเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในเอเชีย และศูนย์กลางคมนาคมขนส่งทางนํ้าในภูมิภาคลุ่มแม่นํ้าโขง ขณะนี้มีท่าเรือโดยสาร, ท่าเรือดอนซาว โดยเฉพาะท่าเรือบ้านมอม มีเป้าหมายที่จะเป็นท่าเรือนำเข้าส่งออกสินค้าในประเทศลุ่มแม่นํ้าโขง นั่นหมายถึงว่าในอนาคตสินค้าเกษตรแปรรูป, ผัก ผลไม้สด, อุตสาหกรรมแปรรูปเนื้อสัตว์จะมารวมตัวกันที่นี่
ทำเลทองของเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ คนที่มองว่าเป็นพื้นที่สีเทานั้นถือว่าล้าหลัง เพราะด้วยภูมิประเทศ เป็นพื้นที่ติดแม่นํ้าโขงที่เชื่อมต่อไทย, เมียนมา และจีน ขณะที่พื้นที่ทางบก สามารถเชื่อมต่อไปยังเมืองบ่อเตน ชายแดนลาว เข้าสู่เมืองบ่อหาน ชายแดนจีน ก่อนเข้าสู่พื้นที่ชั้นในของจีนได้ โดยมีรถไฟความเร็วสูงที่จะเอื้อประโยชน์เข้าไปสู่พื้นที่ชั้นในของสปป.ลาว, เวียดนาม และกัมพูชา
ที่สำคัญ สัญลักษณ์โดมสีทอง ที่ตั้งบ่อนกาสิโน “คิงส์โรมัน” ที่คนไทยเคยคุ้นเคยนั้น ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ALLUXI CASINO มีนายทุนสิงคโปร์เข้ามาเช่าระยะยาว แต่จะเห็นได้ว่าภายในบ่อนกาสิโนที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมง ในแต่ละวันมีนักเล่นพนันเบา บางลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีการยกระดับการเสี่ยงโชค เข้าไปสู่แพลตฟอร์มพนันออนไลน์ อีกทั้งจีนยังไม่เปิดประเทศ แต่ในปี 2566 บ่อนคาสิโนแห่งนี้ จะเข้าไปยึดครองโรงแรม Kapok Star Hotel ชั้น 1 ถึงชั้น 3 นั่นหมายถึงดินแดนของการเสี่ยงโชคอย่างถูกกฎหมายจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง
เช่นเดียวกับไชน่าทาวน์ ที่จำลองวิถีชีวิตชาวจีนมาไว้ที่นี่ มีวัดจีนที่เป็นสถานที่ที่ทำพิธีกรรมต่างๆ และมีร้านอาหารจีน ร้านเบเกอรี่ ร้านขายของชำ ร้านขายเสื้อผ้า คาเฟ่ รวมไปถึงถนนคนเดิน ที่มักจะมีผู้คนเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในยามคํ่าคืน ที่น่าสนใจคือถนนอาหารจีน ที่เป็นแหล่งรวม ร้านหม่าล่า ตำนานอาหารจีนที่ดังไปทั่วโลก ได้ถูกยกมาไว้ที่นี่มากกว่า 10-20 แห่ง มีหม่าล่าเสียบไม้ขายไม้ละ 25 บาท มีอาหารจีนที่ปรุงแบบสไตล์ เสฉวน และยูนนานเสิรฟ์ตลอดทั้งคืน บางร้านบอกว่าแต่ละคืนรายได้ไม่ตํ่ากว่า 1 แสนบาท
ที่ถนนอาหารจีนแห่งนี้ ยังเป็นแหล่งรวมอาหารซีฟู๊ดจากทะเลจีน เข้ามาปรุงเป็นเมนูรสชาติดั้งเดิมคอย เสิร์ฟให้คนจีนและนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นปูขน, กุ้งมังกร, กุ้งล็อบสเตอร์, ปลาไหล และหอยนานาชนิด แสงไฟในยามคํ่าคืนจึงสาดส่องเข้ามาที่ย่านนี้ และกลายเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ของชาวจีน และนักท่องเที่ยวที่หมุนเวียนเข้ามาตลอดทั้งคืน
เป็นอีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงด้วยนโยบายของรัฐบาลลาว ที่มีเป้าหมายให้พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทุกจุดทั้งประเทศ เป็นแลนด์ลิงก์ไม่ใช่แลนด์ล็อค
ที่มา : https://www.thansettakij.com/business/trade-agriculture/549842